แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ
ความหมายของความพึงพอใจ
นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของความพึงพอใจไว้ดังต่อไปนี้ คำว่า “ความพึง
พอใจ” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “satisfaction” มีความหมายโดยทั่ว ๆ ไปว่า “ระดับความรู้สึกในทางบวกของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ( มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช , 2538 , หน้า , 98)
ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ (2541, หน้า 81) ได้กล่าวว่าความพึงพอใจ (satisfaction)
หมายถึง ความรู้สึกที่ดีของบุคคลที่ได้รับการตอบสนองเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในสิ่งที่ต้องการ และ
คาดหวัง ความพึงพอใจเป็นความชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งระดับความพึงพอใจของแต่ละบุคคลย่อม
แตกต่างกัน อาจเนื่องจากพื้นฐานทางการศึกษา ทางด้านเศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อม
พิณ ทองพูน ( 2529 , หน้า , 10 อ้างใน สถาพร สุดเสนาะ , 2543, หน้า 18) ได้กล่าวว่า
ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึก รัก ชอบ ยินดี เต็มใจ หรือ มีเจตคติที่ดีของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่ง
หนึ่ง ความพึงพอใจ จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับผลตอบสนองความต้องการทั้งทางด้านวัตถุ และ จิตใจ
ชริณี เดชจินดา (2532, อ้างถึงใน ชวลิต ปานมาก , 2548 , หน้า 18 ) กล่าวว่า ความพึง
พอใจ หมายถึง ความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ หรือ พอใจต่อสิ่งใด หรือปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ความรู้สึกพอใจจะเกิดขึ้นเมื่อความต้องการของบุคคลได้รับการตอบสนอง หรือ บรรลุจุดมุ่งหมาย
ในระดับหนึ่ง ความรู้สึก ดังกล่าวจะลดลงหรือไม่เกิดขึ้น หากความต้องการหรือจุดมุ่งหมายนั้น
ไม่ได้รับการตอบสนอง
เสรี วงษ์มณฑา (2542 , หน้า 14) กล่าวว่า การสื่อสารการตลาดที่ดีจะทำให้ผู้บริโภคเกิด
การรู้จัก การยอมรับ เกิดความพึงพอใจ หลังจากนั้นผู้บริโภคจะออกไปแสวงหาและสัมผัสกับตัว
สินค้าเพื่อตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ และ สรุปออกมาเป็นทัศนคติหลังจากที่ใช้แล้ว ซึ่งจะออกได้ 2
แบบ คือ ทางลบ หมายถึง ผู้บริโภคเกิดความไม่พอใจ กับ ทางบวก หมายถึง ผู้บริโภคเกิดความ
พอใจ
กฤษณา รัตนพฤกษ์ (2542, อ้างถึงใน สมพงษ์ สุวรรณโฆษิต , 2546 ,หน้า 15) ได้
กล่าวถึง ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพ (quality) และ ความพอใจ (satisfaction) ว่าทั้งสองคำนี้อาจ
ใช้แทนกันได้ในความหมายทั่วไป แต่ในทางการตลาดแล้วมีความแตกต่างกัน ความพอใจ
โดยทั่วไปแล้วเป็นแนวคิดที่กว้างกว่า ในขณะที่คุณภาพของบริการเน้นเฉพาะด้านบริการ คือ เป็น
การประเมินการรับรู้ของลูกค้าในมิติเฉพาะด้านของการบริการ ได้แก่ ความเชื่อถือได้ (reliability)
การตอบสนองลูกค้าทันที (responsiveness) การทำให้ลูกค้ามั่นใจ (assurance) การเข้าใจลูกค้า
(empathy) และการเสนอสิ่งที่เป็นรูปธรรม (tangibles) ในขณะที่ความพอใจของลูกค้าอาจจะได้รับ
อิทธิพลจากการรับรู้ในคุณภาพของบริการ การรับรู้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ราคา ปัจจัยส่วนบุคคล
ของลูกค้า (อารมณ์ ความชอบ) และ ปัจจัยด้านสถานการณ์ (ดินฟ้าอากาศ) ดังนั้น การรับรู้ใน
คุณภาพของบริการจึงเป็นส่วนหนึ่งของความพอใจของลูกค้าหลังจากที่ได้ใช้บริการ ขึ้นอยู่กับผล
การปฏิบัติงานของสินค้าหรือสิ่งเสนอขายโดยปกติความพอใจ คือ ความรู้สึกพึงพอใจหรือผิดหวัง
อันเกิดจากการเปรียบเทียบผลหรือการบริการกับความคาดหมาย จะเห็นได้ว่าจุดสำคัญ คือ การ
ปฏิบัติงานของผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่ตอบสนองกับความคาดหมาย ถ้าการบริการไม่ถึงความ
คาดหมายของลูกค้า ลูกค้าจะไม่พอใจ ถ้าการบริการเท่ากับความคาดหมายของลูกค้า ลูกค้าก็จะ
พอใจ ถ้าการบริการสูงเกินความคาดหมาย ลูกค้าก็จะพอใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ลูกค้าใน
ปัจจุบันเอาใจยากขึ้น ลูกค้ามีความจงรักภักดีในตราสินค้า และ บริการน้อยลง พร้อมเสมอในการ
เปลี่ยนไปใช้บริการที่อื่นหากมีสิ่งล่อใจที่เหมาะสม การสร้างความพอใจให้เกิดประจำ และ พัฒนา
ไปสู่ความจงรักภักดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น อากาศ แสงสว่าง เก้าอี้ โต๊ะ สิ่งเหล่านี้มีผล
ต่อความพอใจของลูกค้าอย่างมาก
จากที่กล่าวข้างต้น อาจสรุปความหมายของความพอใจได้ดังนี้ ความพอใจ หมายถึง
ความรู้สึกหรือทัศนคติของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยอาจจะเป็นไปในเชิงการประเมินค่าว่า
ความรู้สึกหรือทัศนคตินั้นเป็นไปในทางบวก หรือ ทางลบ ความรู้สึกหรือทัศนคติในทางบวก เป็น
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อมีความสุข ปราศจากความทุกข์ ได้รับการตอบสนองอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
หรือ บรรลุจุดมุ่งหมายในระดับหนึ่งต่อสิ่งนั้น แสดงให้เห็นสภาพของความพึงพอใจในสิ่งนั้นด้วย
แต่ถ้าเป็นความรู้สึกที่ปราศจากความสุข มีความทุกข์ ได้รับการตอบสนองไม่สมบูรณ์ครบถ้วนหรือ
ไม่บรรลุจุดมุ่งหมายในระดับหนึ่งต่อสิ่งนั้น ก็จะมีความรู้สึกหรือทัศนคติในทางลบ แสดงให้เห็น
สภาพของความไม่พึงพอใจต่อสิ่งนั้น ความพึงพอใจอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา และ
สถานการณ์แวดล้อมอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป
ความพึงพอใจต่อการให้บริการ
ความพึงพอใจของลูกค้า (customer satisfaction) คือ ความรู้สึกยินดีหรือผิดหวังของ
ลูกค้าอันเนื่องมาจากการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานจริงของสินค้า หรือ ผลประโยชน์จริง
ของสินค้าที่เกิดจาการรับรู้ด้วยตนเอง (product’s perceived performance) กับสิ่งที่ลูกค้านั้นคาดหวัง
(butter’s expectation) ระดับความพึงพอใจของลูกค้าจะมีมาก ถ้าผลประโยชน์ที่เขาได้รับจาก
ผลิตภัณฑ์จริงตรงกับสิ่งที่เขาคาดหวัง ถ้าประสิทธิภาพการทำงานของสินค้าเป็นตามที่คาดหวัง
ลูกค้าจะเกิดความพอใจ ลูกค้าจะผูกพันกับตราสินค้านั้นจนเป็นความภักดีต่อตราสินค้าในที่สุด
หลายบริษัทพยายามผลิตสินค้าให้มีประสิทธิภาพ การทำงานตรงกับที่ลูกค้าคาดหวังไว้เพื่อให้เกิด
ความพึงพอใจสูงสุด (total customer satisfaction)
ความหมายของ ความพึงพอใจในบริการ หรือ ความพอใจในบริการ ตามความหมายของ
พจนานุกรมทางด้านจิตวิทยา (Chaplin , 1968, p. 437 อ้างถึงใน ดวงพร ตรีธัญญา, 2547, หน้า 22)
ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า เป็นความรู้สึกของผู้ที่มารับบริการต่อสถานบริการตามประสบการณ์ที่
ได้รับจากการเข้าไปติดต่อขอรับบริการในสถานบริการนั้นๆ
ความหมายของ ความพึงพอใจของลูกค้า (customer satisfaction) เป็นระดับความรู้สึก
ของลูกค้าที่มีผลจากการเปรียบเทียบระหว่างผลประโยชน์จากคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ หรือ การทำงาน
ของผลิตภัณฑ์ กับความคาดหวังของลูกค้า
คอตเลอร์ (Kotler , 2003, p. 168) กล่าวว่าระดับความพึงพอใจของลูกค้าจะเกิดจากความ
แตกต่างระหว่างผลประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ และ ความคาดหวังของบุคคล การคาดหวังของบุคคล
(expectation) เกิดจากประสบการณ์ และ ความรู้สึกในอดีตของผู้ซื้อ ส่วนผลประโยชน์จาก
คุณสมบัติผลิตภัณฑ์ หรือ การทำงานของผลิตภัณฑ์เกิดจากนักการตลาดและฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
จะต้องพยายามสร้างความพอใจให้กับลูกค้าโดยพยายามสร้างคุณค่าเพิ่ม (value added) การสร้าง
คุณค่าเพิ่มเกิดจากการผลิต (manufacturing) และ จากการตลาด (marketing) รวมทั้งการทำงาน
ร่วมกันกับฝ่ายต่างๆ โดยยึดหลักการสร้างคุณภาพรวม (total quality) คุณค่าเกิดจากความแตกต่าง
ทางการแข่งขัน (competitive differentiation) คุณค่าที่มอบให้กับลูกค้าจะต้องมากกว่าต้นทุนของ
ยังมีต่อ
ตอบลบลูกค้า (cost) ต้นทุนของลูกค้าส่วนใหญ่ คือ ราคาสินค้า (price) และ มีนักวิชาการได้ให้แนวความคิด
ตอบลบเกี่ยวกับ “ความพึงพอใจในบริการ” ดังนี้
มิลเลต (Millet, 1954, p. 197 ) ให้ความหมายเกี่ยวกับความพึงพอใจในบริการ (service
satisfaction) โดยให้พิจารณาว่าการให้บริการนั้นสามารถสร้างความพึงพอใจหรือไม่ จาก
องค์ประกอบ 5 ด้าน ดังนี้
1. การให้บริการอย่างเสมอภาค (equitable service) หมายถึง ความยุติธรรมในการ
บริการที่มีฐานคติที่ว่าคนทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้นลูกค้าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
ในแง่มุมของกฎหมายไม่มีการแบ่งแยกกีดกันในการให้บริการ ลูกค้าจะได้รับการปฏิบัติในฐานะที่
เป็นปัจเจกบุคคลที่ใช้มาตรฐานให้บริการเดียวกัน
2. การให้บริการอย่างทันเวลา (timely service) หมายถึง ในการบริการจะต้องมองว่า
การให้บริการจะต้องตรงเวลา ผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานจะถือว่าไม่มีประสิทธิผลเลยถ้าไม่มี
การตรงต่อเวลา ซึ่งจะสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า
3. การให้บริการอย่างเพียงพอ (amble service) หมายถึง การให้บริการต้องมีลักษณะมี
จำนวนการให้บริการ สถานที่ให้บริการอย่างเหมาะสม (the right quantity at the geographical )
ความเสมอภาค หรือ การตรงต่อเวลาจะไม่มีความหมายเลย ถ้าไม่มีจำนวนการให้บริการที่เพียงพอ
และ สถานที่ตั้งที่ให้บริการสร้างความไม่ยุติธรรมให้เกิดขึ้นแก่ผู้รับบริการ
4. การให้บริการอย่างต่อเนื่อง (continuous service) หมายถึง การให้บริการที่เป็นไป
อย่างสม่ำเสมอ โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดความพอใจของหน่วยงานที่
ให้บริการว่าจะให้หรือหยุดบริการเมื่อใดก็ได้
5. การให้บริการอย่างก้าวหน้า (progressive service) หมายถึง การให้บริการที่มีการ
ปรับปรุงคุณภาพ และ ผลการปฏิบัติงานกล่าวอีกนัยหนึ่งคือการเพิ่มประสิทธิภาพ หรือ
ความสามารถที่จะทำหน้าที่ได้มากขึ้น โดยการใช้ทรัพยากรเท่าเดิม
ฟิทซ์เจอราล์ด และ ดูแรนท์ (Fitzgerald and Durant, 1980, p. 586 อ้างในวีรพงษ์
เฉลิมจิระรัตน์, 2542, หน้า 85 ) กล่าวว่า ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อบริการสาธารณะ
หมายถึง เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการให้บริการของหน่วยการปกครองท้องถิ่น โดยมี
พื้นฐานเกิดจากการรับรู้ ถึงการส่งมอบการบริการที่แท้จริง และ การประเมินผลนี้ก็แตกต่างกันไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลได้รับเกณฑ์ที่แต่ละบุคคลตั้งไว้ รวมทั้งจากแนวคิด
ดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าการให้บริการสาธารณะไม่จำกัดขอบเขตอยู่เพียงหน่วยงานของรัฐ
เท่านั้น การบริการสาธารณะยังมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนรวมของประชาชน
มิใช่เพียงบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น กล่าวคือ เป็นการมองว่าการให้บริการสาธารณะมี
วัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนรวมของประชาชน นอกจากนี้คุณค่าที่สำคัญอีก
ประการคือ การเน้นหลักการให้บริการสาธารณะที่มีความต่อเนื่อง ความยุติธรรม คุณภาพของการ
บริการ และ ความเท่าเทียมกันว่าสามารถนำมาใช้ในการวัดความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ
พฤธิสิทธิ์ บุญทน (2536, หน้า 11 อ้างใน ดวงภรณ์ ตรีธัญญา, 2547, หน้า 26) ได้อ้าง
แนวคิดของ Hoppode กล่าวว่า ความพึงพอใจต่อการให้บริการเป็นผลทางจิตวิทยา สรีระวิทยา และ
สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการหรือลูกค้ากล้าตัดสินใจเลือกใช้บริการ
จักรพันธ์ ภวังค์ตะวัฒน์ (2546, หน้า 16) กล่าวว่าความพึงพอใจในการบริการ หมายถึง
ภาวะการณ์แสดงออกถึงความรู้สึกในทางบวกของบุคคล อันเป็นผลมาจากการประเมินคุณภาพของ
การบริการจากการรับรู้สิ่งที่ได้รับจากการบริการ เปรียบเทียบกับความคาดหวังในการบริการนั้น
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามความเกี่ยวเนื่องของบุคคลในการบริการนั้น ได้แก่
1. ความพึงพอใจของผู้รับบริการ (customer satisfaction)
2. ความพึงพอใจในงานของผู้ให้บริการ (job satisfaction)
ความพึงพอใจในงานของผู้ให้บริการ มีการแบ่งความหมายออกเป็น 2 นัย คือ
1. การยึดสถานการณ์ซื้อเป็นหลัก หมายถึง ความพึงพอใจที่เป็นผลที่เกิดจากการ
ประเมินสิ่งที่ได้รับภายหลังสถานการณ์ซื้อสถานการณ์หนึ่ง
2. การยึดประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าเป็นหลัก หมายถึง ความพึงพอใจ
ที่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการประเมินภาพรวมทั้งหมดของประสบการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับ
ผลิตภัณฑ์หรือบริการในระยะเวลาหนึ่ง
พอร์ตเตอร์ (Porter, 1985, p. 171) ได้ให้ความหมายของคำว่า ความพึงพอใจในงาน
ตอบลบหมายถึง ภาวการณ์แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่องาน และ ประเมินได้จากความแตกต่างของ
ปริมาณผลตอบแทนที่ได้รับกับผลตอบแทนที่บุคคลคาดหวังไว้ หากบุคคลได้รับผลตอบแทน
มากกว่าหรือเท่ากับสิ่งที่คาดหวังไว้ก็จะเกิดเป็นความพึงพอใจในงาน แต่หากว่าผลตอบแทนที่ได้มี
ค่าน้อยกว่าสิ่งที่คาดหวังไว้ ก็จะเกิดเป็นความไม่พอใจในงานขึ้น
จิตตินันท์ เตชะคุปต์ (2544, หน้า 58) กล่าวว่า ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการหรือลูกค้า
หมายถึง การที่ผู้ใช้บริการหรือลูกค้าได้รับในสิ่งที่ต้องการ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ผู้ให้บริการ
สามารถจัดหาหรือทำให้ได้ โดยไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์หรือความถูกต้องเหมาะสมในการให้บริการ
มณีวรรณ ตั้นไทย (2533, หน้า 26 อ้างใน สถาพร สุดเสนาะ, 2543, หน้า 20) ได้ให้
ความหมายของความพึงพอใจหลังการได้รับบริการว่าเป็น ระดับความพึงพอใจของประชาชนที่มี
ต่อการได้รับบริการในด้านต่างๆ ดังนี้ คือ
1. ด้านความสะดวกที่จะได้รับ
2. ด้านตัวเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ
3. ด้านคุณภาพของบริการที่ได้รับ
4. ด้านระยะเวลาในการดำเนินการ
5. ด้านข้อมูลที่ได้รับจากการบริการ
ลักษณะของความพึงพอใจในการบริการ
ชัยสมพล ชาวประเสริฐ (2546, หน้า 174) กล่าวว่าเมื่อความพึงพอใจมีความสำคัญสูง
มากต่อการบริการ ดังนั้น ผู้ประกอบการบริการจะต้องทำความเข้าใจต่อลักษณะ และ องค์ประกอบ
ของความพึงพอใจอย่างถี่ถ้วน อันได้แก่
1. ความพึงพอใจเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ และ ความรู้สึกในทางบวกของบุคคล
ต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในการรับบริการ บุคคลจะรับรู้รูปแบบของการบริการและคุณภาพของการบริการ
โดยใช้ประสบการณ์ที่ได้รับด้วยตนเองหรือจาการอ้างอิงใด ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น
คำบอกเล่าของกลุ่มเพื่อน โฆษณา เป็นต้น ในการประเมินสิ่งที่ได้รับจาการบริการ หากการบริการ
เป็นไปตามความต้องการของผู้รับบริการก็จะก่อให้เกิดความพอใจในการบริการนั้น
2. ความพึงพอใจเกิดจากการประเมินความแตกต่างระหว่างสิ่งที่คาดหวังกับสิ่งที่ได้รับ
จริงในสถานการณ์หนึ่ง ในการใช้บริการบุคคลย่อมมีข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงต่าง ๆ (reference) เช่น
ประสบการณ์ส่วนตัว ความรู้จากการเรียนรู้ คำบอกเล่าของกลุ่มเพื่อน และ ข้อมูลที่ได้จากธุรกิจ
บริการแบบเดียวกัน เป็นต้น เกิดเป็นความคาดหวังต่อสิ่งที่ควรจะได้รับจากการบริการ
(expectation) ซึ่งจะมีอิทธิพลแก่ผู้รับบริการในการที่จะใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินสิ่งที่ได้รับจริง
ในกระบวนการการบริการ (performance) หากการบริการเป็นไปตามที่คาดหวังย่อมเกิดการยืนยัน
ความถูกต้อง (confirmation) ต่อการบริการ และ เกิดเป็นความพึงพอใจในการรับบริการ แต่หาก
ไม่ได้รับการบริการที่เป็นไปตามความคาดหมายก็จะเกิดเป็นการยืนยันความไม่ถูกต้อง
(disconfirmation) และ เกิดเป็นความไม่พึงพอใจได้
3. ความพึงพอใจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามปัจจัยแวดล้อม และสถานการณ์ที่
เกิดขึ้น เนื่องจากในแต่ละช่วงเวลา บุคคลย่อมมีความคาดหวังต่อการบริการแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่
กับอารมณ์ ความรู้สึก และ ประสบการณ์ที่ได้มาระหว่างเวลานั้น ทำให้เกณฑ์ประเมินความพอใจมี
การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบสิ่งที่ได้รับกับสิ่งที่คาดหวังเปลี่ยนแปลง
ตามไปด้วย
ตอบลบองค์ประกอบของความพึงพอใจในการบริการ
ชัยสมพล ชาวประเสริฐ (2548, หน้า 175)_กล่าวว่า ความพึงพอใจในการบริการเป็น
กระบวนการที่เกิดขึ้นจาการรับรู้ การประเมินคุณภาพของการบริการอันเป็นสิ่งที่ผู้รับบริการ
คาดหวังว่าจะได้รับจาการให้บริการ โดยที่ความพึงพอใจในการบริการของผู้รับบริการจะขึ้นอยู่กับ
องค์ประกอบ 2 ด้าน ได้แก่
1. การรับรู้คุณภาพของผลิตภัณฑ์บริการ อันเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการได้สัญญาว่าจะให้
โดยผู้รับบริการมีความคาดหวังต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์บริการว่าจะได้รับอย่างน้อยตามที่ผู้
ให้บริการได้สัญญาไว้ ความมากน้อยของคุณภาพของสิ่งที่ได้รับจะเป็นตัวกำหนดถึงระดับความพึง
พอใจในการบริการ
2. การรับรู้คุณภาพของการนำเสนอบริการ ซึ่งผู้ให้บริการดำเนินการนำเสนอผ่านการ
แสดงออกต่าง ๆ ในกระบวนการบริการ โดยผู้รับบริการจะประเมินว่าผู้ให้บริการดำเนินการบริการ
อย่างเหมาะสมมากน้อยเพียงใด ความสะดวกในการเข้าถึงบริการ พฤติกรรมการแสดงออกของ
ผู้ให้บริการตามบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบต่องาน การใช้ภาษาสื่อสาร และ การปฏิบัติตนใน
การให้บริการว่า ผู้ให้บริการมีความเต็มใจและจริงใจเพียงใดในการบริการ การรับรู้เหล่านี้จะช่วย
ให้ผู้รับบริการประเมินคุณภาพการบริการได้อย่างมีเหตุและผล ซึ่งนำไปสู่ความพึงพอใจในการรับ
บริการ
ความสำคัญของความพึงพอใจต่อการบริการ
ชัยสมพล ชาวประเสริฐ ( 2546, หน้า 176-177) กล่าวว่า ความพึงพอใจในการบริการ
ของผู้รับบริการ เป็นเป้าหมายที่ผู้ประกอบการ และ ผู้ให้บริการทั้งหลายต่างคิดค้นหากลยุทธ์การ
จัดการกลยุทธ์ทางการตลาดมากมายมาประยุกต์ใช้ โดยมีจุดมุ่งหวังที่จะทำให้ผู้รับบริการเกิดความ
ประทับใจในการบริการและกลับมาใช้บริการซ้ำ ดังนั้นความพึงพอใจจึงเป็นประเด็นที่มี
ความสำคัญต่อบุคคลหลายฝ่าย ได้แก่
1. ความสำคัญของความพึงพอใจต่อผู้ให้บริการ เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการจะต้องคำนึงถึง
การจัดให้เกิดการบริการแก่ผู้มารับบริการ โดยต้องยึดถือสิ่งต่อไปนี้
1.1 ความพึงพอใจของผู้รับบริการเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะของการบริการ
รูปแบบการบริการที่ดีจะต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการ และ ความคาดหวังของ
ผู้รับบริการได้ โดยผู้ให้บริการจะต้องทำการสำรวจ หรือ ศึกษาความต้องการของกลุ่มผู้รับบริการ
เป้าหมายเสียก่อน จากนั้นจึงจะสามารถกำหนดรูปแบบการบริการที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการบริการ
ที่ประทับใจผู้มารับบริการได้
1.2 ความพึงพอใจของผู้รับบริการเป็นตัวแปรสำคัญ ในการประเมินคุณภาพของ
ตอบลบการ บริการ เนื่องจากเป็นเกณฑ์ที่ชัดเจน และ ส่งผลต่อการกลับมาใช้บริการซ้ำของผู้รับบริการ
โดยทั่วไปองค์การธุรกิจบริการจะทำการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการในหลาย ๆ ด้าน
ตัวอย่าง เช่น อาคารสถานที่ อุปกรณ์เครื่องใช้ ความน่าเชื่อถือของกิจการบริการ ความเต็มใจในการ
ให้บริการ ความรู้และความสามารถในการให้บริการ และ บุคลิกลักษณะของผู้ให้บริการ เป็นต้น
1.3 ความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงาน เป็นตัวชี้คุณภาพและความสำเร็จของงาน
บริการเนื่องจากการบริการจะดีเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ ซึ่งการปฏิบัติงานบริการจะมี
คุณภาพนั้น ผู้ให้บริการจะต้องมีความพึงพอใจในงานของตน จึงจะทุ่มเทในการทำงาน และ เป็นสิ่ง
ที่นำไปสู่ความพึงพอใจของผู้รับบริการ และสุดท้ายจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของ
ธุรกิจของกิจการบริการด้วย
2. ความสำคัญของความพึงพอใจต่อผู้รับบริการ เป็นสิ่งที่ผู้รับบริการต้องการจะได้
จากการมารับบริการนั้น โดยผู้รับบริการมุ่งหวังความรวดเร็ว ความสะดวกสบาย และ คุณภาพการ
บริการ ดังนั้น ความพึงพอใจจึงเป็นตัวผลักดันคุณภาพของการบริการผู้ให้บริการนั่นเอง
2.1 ความพึงพอใจของผู้รับริการเป็นตัวผลักดันคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้รับบริการ
ผู้รับบริการมุ่งหวังการได้รับบริการที่ดี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของตนเองจากการไปรับบริการ
ต่าง ๆ เช่น ท่องเที่ยว รับประทานอาหาร พักค้างแรม เป็นต้น ความพึงพอใจที่ได้จากการไปรับ
บริการนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องตระหนักถึงและจัดให้มี ทำให้เกิดการแข่งขันนำเสนอ
สิ่งที่ดีกว่าแก่ผู้รับบริการ สุดท้ายคือผู้รับบริการจะได้รับการบริการที่ดีมีคุณภาพมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
2.2 ความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานบริการช่วยพัฒนาคุณภาพของงานบริการ และ
อาชีพบริการ เนื่องจากผู้ให้บริการที่มีความพึงพอใจในการทำงานจะทำงานด้วยความเต็มใจ
สร้างสรรค์ และ ส่งเสริมมาตรฐานในการให้บริการแก่ผู้รับบริการ ส่งผลให้คุณภาพในการบริการ
สูงขึ้น และ งานบริการกลายเป็นงานที่แพร่หลายมากขึ้น บุคลากรที่มีทักษะและความสามารถเข้าสู่
วงการธุรกิจบริการมากขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจบริการ และสุดท้ายส่งผลต่อลักษณะการ
บริการ ทำให้ผู้รับบริการได้รับการบริการที่มีความหลากลาย และ มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้นต่อไป
สรุปได้ว่า ความพึงพอใจในการบริการมีความสำคัญต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
โดยทำให้ผู้ให้บริการสามารถกำหนดคุณลักษณะของการประเมินคุณภาพของการบริการ และ บ่งชี้
ถึงความสำเร็จของงานบริการ รวมทั้งผู้รับบริการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการพัฒนาบริการที่มี
คุณภาพตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจและใช้บริการต่อ ๆ ไป
มีบรรณานุกรมไหมคะ
ตอบลบThere are a few human foods that can be quite dangerous if consumed by a cat. Chocolate and satta king onions are two of the foods out there that can be toxic play bazaar to cats.
ตอบลบ